Working women อย่างเรา พออายุเข้าเลข 3 แล้วก็จะมี feeling บางครั้งที่แบบอาจจะเบลอๆมึนๆ คิดอะไรไม่ออกบ้าง ลืมนู้นลืมนี้บ้าง ก็แหงละคะ สาวเก่งอย่างเราทำงาน 5 วันใช้สมองอย่างหนักหน่วงทุกวัน มันก็ต้องมีเหนื่อยล้ากันเป็นธรรมดา
วันก่อน #Roommate206 ได้ไปเจอหนังสือ "66 วิธีลับคมสมอง" ซึ่งพออ่านแล้วรู้สึกว่าดีจัง อ่านง่าย ทำตามได้ไม่ยาก เราเลยขอเลือกวิธีลับคมสมองมาฝากสาวๆสัก 8 ข้อ ให้ลองทำตามกันดูค่ะ
1. เวลาคิดอะไรไม่ออก "ควรเดิน"
เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าสมองไม่แล่น ลองลุกขึ้นเดินสัก 10-15 นาที ถึงจะเป็นเวลาสั้นๆ แต่สมองที่ทำงานหนักมาตลอดก็จะได้พักบ้าง จะเดินไป 7-11 เดินไปห้องน้ำ เดินไปคุยกับเพื่อน เดินไปซื้อชากาแฟ เดินไปซื้อของกินอร่อยๆ ไปไหนก็ได้ให้สมองได้พัก
2. ลองคิดและทำ "อาหาร" เมนูใหม่ๆ
อาหารที่เพิ่งทำครั้งแรก ใครๆก็คงนึกไม่ออกว่าทำเสร็จแล้วจะมีหน้าตาอย่างไร แต่ก็คงไม่มีใครอยากนำเสนออาหารที่ทำผิดพลาด ดังนั้น ขณะที่ปรุงอาหาร คนส่วนใหญ่จะคิดนู้นคิดนี่ไปด้วย เช่น ปรุงอย่างไรถึงจะอร่อย คนคนนั้นต้องชอบรสชาติแบบนี้แน่ๆ เป็นต้น "การลองและคิดทำอาหารเมนูใหม่ๆให้ใครสักคนนับว่าเป็นการสื่อสารที่วิเศษที่สุดเพราะ" เป็นการแสดงความเอาใส่ใจอีกฝ่าย สร้างความประทับใจให้อีกฝ่าย กระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่น ช่วงเวลานี้เองที่จะเกิดความคิดเรื่อง "พัฒนาการความสัมพันธ์" ระหว่างกัน แล้วความคิดเรื่องความสัมพันธ์ก็จะช่วยกระตุ้นสมองด้านการสื่อสารต่อไป
3. จัดอันดับ "10 เรื่องดีๆ สนุกๆ ในอดีต" ไว้นึกถึง
อาการใช้ชีวิตในทุกวันใช่ว่าจะมีแต่เรื่องดีๆ สนุกๆเท่านั้น บางครั้งก็มีเรื่องน่าเศร้า บางครั้งก็มีเรื่องให้จิตใจท้อแท้ แต่เราจะมัวแต่กลุ้มใจ หม่นหมองอยู่ไม่ได้ วิธีหนึ่งที่ทำให้เราสามารถเปลี่ยนอารมณ์ได้ก็คือ "การนึกถึงความสุขในอดีต" นั้นเอง
ดังนั้น เวลาว่างๆเราต้องลองนึกถึงเรื่องดีๆสนุกๆในชีวิตแล้วจัดอันดับ "10 เรื่องดีๆสนุกๆในอดีต" เอาไว้นะคะ การทำแบบนี้เป็นวิธีฝึกฝนรหัสสมองด้านอารมณ์ เพราะเป็นการใช้ความทรงจำในอดีตเพื่อควบคุมการรับรู้ทางด้านอารมณ์ในปัจจุบัน
4. เขียนบันทึกลงสมุด
เรามาดูความแตกต่างของการพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์และการเขียนบนกระดาษกัน
- การใช้คอมพิวเตอร์ดูเหมือนจะเป็นการใช้สมองอย่างเต็มที่ แต่จริงๆแล้ว มือ(นิ้ว) จะเคลื่อนไหวได้อย่างจำกัด และยังเป็นการใช้รหัสสมองด้านการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- หากใช้ดินสอหรือปากกาเขียนหนังสือ สมองจะต้องควบคุมการเคลื่อนไหวของมือ ซึ่งเป็นการใช้รหัสสมองที่มีขอบเขตกว้างใหญ่มาก เพราะใจการเขียนเราจำเป็นต้องรู้จักการประสมพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ เครื่องหมายวรรคตอน เพื่อเขียนให้ถูกต้องด้วย ลักษณะของตัวอักษรก็จะขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผู้เขียน ถ้ารีบเขียน ตัวอักษรก็จะยุ่งเหยิงอ่านยาก ถ้าเขียนด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย ตัวอักษรก็จะสวยงามน่าอ่าน
"การเขียน" ส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของรหัสสมองอย่างมาก ดังนั้นเพื่อสร้างประสบการณ์ด้านนี้ เราควรฝึกนิสัยการเขียนบันทึกด้วยลายมือกันนะคะ
5. หลับไปฟังวิทยุไป
ตอนกลางคือพอปิดไฟและห้องมืดสนิทแล้ว ลองเปิดวิทยุและนอนหลับ แค่ฟังวิทยุจนกว่าจะหลับก็ได้ ตั้งเวลาให้วิทยุปิดหลังจากนั้น 2-3 ชั่วโมง ลองดูกันนะคะ พูดง่ายๆก็คือก่อนนอนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการขัดเกลาประสาทสัมผัสทั้งห้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "การฟัง"
6. วาดภาพเลียนแบบภาพที่ชอบ
เลือกภาพที่ชอบมา 1 ภาพแล้วพยายามวาดให้เหมือนที่สุด แต่ถ้ายากเกินไปลองเริ่มจากภาพการ์ตูนง่ายๆ หรือจะซื้อหนังสือสอนวาดภาพมาลองวาดตามก็ได้นะคะ เราเองก็ใช้วิธีนี้ การมองและเลียนแบบเพื่อทำสิ่งที่เหมือนกันขึ้นมานั้น เป็นการลอกเลียนการใช้รหัสสมองของผู้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นนั้นโดยที่เราไม่รู้ตัวเอง และเป็นการพัฒนาสมองด้านการเคลื่อนไหวด้วยค่ะ
7. จัดระเบียบห้องซะใหม่
จริงๆแล้วการจัดห้องก็เป็น "การสร้างเงื่อนไข" เพื่อการปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น ขณะที่คุณเปลี่ยนตำแหน่งของโต๊ะทำงาน ตู้หนังสือ ก็อาจจะเกิดความคิดใหม่ๆขึ้น เช่น ถ้าวางตู้หนังสือตรงนี้ฝุ่นอาจจะเกาะง่าย ถ้าวางโต๊ะตรงนี้จะบังแสงสว่าง เป็นต้น
การสั่งสมประสบการณ์เรื่องการจัดห้องจะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านความเข้าใจเกี่ยวกับห้องซึ่งเป็น "ที่ว่าง" ให้มีเพิ่มมากขึ้น เป็นการลับคมสมองด้านความเข้าใจ
8. พูดคุยกับต้นไม้
จรสำหรับเกษตรกรแล้ว การพูดคุยกับต้นไม้ดอกไม้ที่ปลูกไว้เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป บางคนถึงกับบอกว่า "หากปลูกด้วยความรักความเอาใจใส่ ผลไม้ก็จะมีรสหวานอร่อย" ไม่ว่าผลที่ออกมาจะทำให้พืชเจริญเติบโตดีหรือไม่ แต่การพูดกับต้นไม้ดอกไม้จะช่วยกระตุ้นรหัสสมองด้านอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เพราะการพูดเป็นการแสดงออกทางอารมณ์อย่างหนึ่ง และการฝึกฝนวิธีนี้ยังทำให้จิตใจของเราเยือกเย็นขึ้น
ครบแล้วทั้ง 8 ข้อนะคะ แต่ถ้าใครอยากฝึกฝนลับคมสมองเพิ่มเติม แนะนำเลยค่ะ "66 วิธีลับคมสมอง " จาก Nanmeebooks ราคา 195 บาทเท่านั้น หาซื้อได้ตามร้านหนังสือ SE-ED หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้เลยค่ะ
สั่งซื้อออนไลน์จากนานมีบุ๊ค : https://www.nanmeebooks.com
สั่งซื้อออนไลน์จากซีเอ็ดบุ๊ค : https://www.se-ed.com
Comments